20 กันยายน: วันอนุรักษ์และพัฒนาแม่น้ำ คู คลอง แห่งชาติ (In Thai)

Thematic Areas: Land Resources

      “วันอนุรักษ์และพัฒนาแม่น้ำ คู คลอง แห่งชาติ” ตรงกับวันที่ 20 กันยายน ของทุกปี โดยเป็นวันสำคัญที่กำหนดขึ้นเพื่อกระตุ้นให้ประชาชน หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ตระหนักถึงความสำคัญของแม่น้ำ คู คลอง และแหล่งน้ำขนาดเล็ก ในฐานะเป็นระบบระบายน้ำ แหล่งน้ำเพื่อการเกษตร และเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมวิถีชีวิตที่ควรรักษาไว้ เนื่องจากมีความสำคัญต่อระบบนิเวศและคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทและเกษตรกรรม ไม่เพียงเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติเพื่อการทำอาชีพ หากยังเป็นรากฐานของวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของคนไทยมายาวนาน แต่ท่ามกลางวิกฤตสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (climate change) การตระหนักถึงความสำคัญของสายน้ำจึงเป็นสิ่งที่ไม่อาจละเลย


แม่น้ำ คู คลอง กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
      ในยุคที่โลกเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศอย่างรุนแรง น้ำกลายเป็นทรัพยากรที่ไม่แน่นอน ทั้งในแง่ของปริมาณและคุณภาพ:
  • น้ำท่วมและภัยแล้ง เกิดบ่อยขึ้นและรุนแรงมากขึ้น จากฝนที่ไม่ตกตามฤดูกาล รวมถึงภัยแล้งยาวนานที่ส่งผลกระทบต่อการใช้น้ำ หรือฝนตกหนักในปริมาณมากหรือฝนตกแบบเฉียบพลัน นอกจากนี้แม่น้ำคูคลองยังมีบทบาทสำคัญในการช่วยระบายน้ำและป้องกันน้ำท่วม
  • แหล่งน้ำเน่าเสีย จากขยะและของเสียในชุมชนหรืออุตสาหกรรมที่ไหลไปปนเปื้อนในแหล่งน้ำ ทำให้ระบบนิเวศเสียสมดุล เกิดมลพิษต่อแหล่งน้ำ ชายตลิ่ง พืชและสัตว์น้ำ
  • ความร้อนและภาวะโลกร้อน ทำให้น้ำระเหยมากขึ้น แม่น้ำบางสายแห้งขอด ทำให้สูญเสียหน้าที่ตามธรรมชาติ การเกษตร การคมนาคม การจับสัตว์น้ำ หรือแม้แต่การตั้งถิ่นฐาน และเป็นต้นเหตุของปัญหาสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ
  • ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น ส่งผลให้แหล่งน้ำบางพื้นที่ถูกน้ำเค็มรุกล้ำ
      สภาพภูมิอากาศที่แปรปรวนยังส่งผลกระทบต่อพืชผลทางการเกษตร ประมงพื้นบ้าน และสุขภาพของประชาชนโดยตรง หากแม่น้ำและคลองถูกละเลย สิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นห่วงโซ่ของปัญหาที่ขยายวงกว้าง

ประชาชนสามารถมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และพัฒนาแม่น้ำคูคลองได้อย่างไร
      การอนุรักษ์แม่น้ำคูคลองไม่ใช่หน้าที่ของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง แต่ประชาชนทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้ด้วยวิธีง่าย ๆ ดังนี้:
  1. งดทิ้งขยะลงคูคลอง – เริ่มต้นจากตนเองในการแยกขยะและทิ้งขยะให้ถูกที่ ลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว ป้องกันไม่ให้ขยะไหลลงสู่แหล่งน้ำ
  2. จัดกิจกรรมทำความสะอาดคลอง – ร่วมกับชุมชน องค์กร หรือโรงเรียน จัดกิจกรรมเก็บขยะและฟื้นฟูคลองในพื้นที่ ขุดลอกคลองและดูแลระบบระบายน้ำประจำปี เพื่อเพิ่มความสามารถในการรองรับน้ำฝนและป้องกันน้ำท่วม
  3. ปลูกต้นไม้ริมคลอง – เพื่อป้องกันการพังทลายของตลิ่ง และเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ ช่วยลดการกัดเซาะตลิ่ง ดูดซับคาร์บอน และลดอุณหภูมิของพื้นที่โดยรอบ
  4. ดูแลระบบบำบัดน้ำเสียในครัวเรือน – เพื่อลดการปล่อยน้ำเสียที่ไม่ได้ผ่านการบำบัดลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะ
  5. ใช้ทรัพยากรน้ำอย่างประหยัด - ลดการใช้น้ำฟุ่มเฟือย เพื่อช่วยลดภาระของแหล่งน้ำธรรมชาติ
  6. ร่วมรณรงค์และเผยแพร่ความรู้แก่ผู้อื่น – ช่วยกันสร้างความตระหนักรู้ในวงกว้างผ่านสื่อสังคมออนไลน์หรือการพูดคุยในชุมชนและกลุ่มเยาวชน เพื่อปลูกฝังความรับผิดชอบในระยะยาว

      แม่น้ำ คู คลองที่มีสภาพดีจะสามารถ รับน้ำได้มากขึ้น, ชะลอน้ำ, และ ระบายน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการปรับตัวต่อสภาวะโลกร้อน นอกจากนี้ยังช่วยดูดซับคาร์บอนผ่านพืชน้ำ และรักษาความหลากหลายทางชีวภาพของระบบนิเวศน้ำจืด ในยุคที่สภาพภูมิอากาศของโลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การอนุรักษ์แม่น้ำคูคลองไม่ใช่เพียงแค่การ “รักษาสิ่งแวดล้อม” เท่านั้น แต่ยังเป็นการ รับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ, เสริมความมั่นคงด้านน้ำ, และ ลดผลกระทบจากภาวะโลกร้อน หากประชาชนทุกคนร่วมมือกันเพียงเล็กน้อยแต่สม่ำเสมอ ก็สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนให้กับธรรมชาติได้

เพราะ "แม่น้ำคูคลอง" ไม่ใช่เพียงทางน้ำ แต่คือ ทางรอด ของชีวิต
เรียบเรียงโดย
สุทัสสา วงศ์ราช
นักวิจัย สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย