วันเมืองโลก (World Cities Day)

สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (the United Nations General Assembly) ได้กำหนดให้วันที่ 31 ตุลาคม ของทุกปีเป็น “วันเมืองโลก” โดยมีการจัดขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ.2557 เพื่อสร้างความตระหนักรู้ในระดับนานาชาติเกี่ยวกับแนวโน้มการขยายตัวของเมือง เนื่องจากการเติบโตของเมืองทั่วโลกในปัจจุบันนำมาซึ่งความท้าทาย รวมถึงเกิดปัญหาจากการเพิ่มขึ้นของประชากรในเมืองโดยเฉพาะปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งในเรื่องมลพิษ การใช้ทรัพยากรอย่างไม่ยั่งยืน วันเมืองโลกจึงถือเป็นโอกาสสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ และกระตุ้นให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการพัฒนาเมืองในทุกมิติ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างเมืองที่มีความยั่งยืนและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น

สำหรับในปี 2568 วันเมืองโลกจะจัดเฉลิมฉลองขึ้นภายใต้หัวข้อ “เมืองอัจฉริยะที่เน้นประชาชนเป็นศูนย์กลาง”หรือ people-centred smart cities” ซึ่งมุ่งเน้นให้เห็นถึงบทบาทของเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการพัฒนาชีวิตในเมืองและฟื้นฟูเมืองจากวิกฤตการณ์หรือความท้าทายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อม ภัยพิบัติทางธรรมชาติ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือความท้าทายทางเศรษฐกิจและสังคม โดยเน้นให้ “คน” เป็นหัวใจของการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ ข้อมูลจาก UN-Habitat คาดการณ์ไว้ว่า ประชากรในเมืองทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 3.5 พันล้านคน ในปัจจุบัน เป็น 6.2 พันล้านคน ภายในปี พ.ศ. 2593 ซึ่งสาเหตุการอพยพเข้าเมืองของประชากร ได้แก่ ปัญหาความขัดแย้ง ความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความยากจน และความเหลื่อมล้ำทางพื้นที่ ซึ่งผลักดันให้ผู้คนย้ายถิ่นฐานไปยังเขตเมืองซึ่งมีความปลอดภัย ที่พักพิง บริการพื้นฐาน และโอกาสในการดำรงชีวิตที่ดีกว่า

สถาบันสิ่งแวดล้อมไทยในฐานะหน่วยงานที่ยึดมั่นการทำงานในรูปแบบความร่วมมือเพื่อมุ่งสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ได้มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมให้สังคมตระหนักถึงความเชื่อมโยงระหว่าง “สิ่งแวดล้อมกับการพัฒนาเมือง” ผ่านการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ รวมถึงมุ่งขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองสีเขียวและสนับสนุนให้เกิดการตั้งรับปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผ่านโครงการและความร่วมมือกับภาครัฐ เอกชน และชุมชนท้องถิ่น เช่น การส่งเสริมแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน การใช้พลังงานสะอาด การจัดการของเสียในเมืองอย่างครบวงจร การเพิ่มพื้นที่สีเขียว มุ่งสู่การลดการปล่อยก๊าชเรือนกระจก รวมถึงส่งเสริมการพัฒนาเมืองอัจฉริยะที่นำเทคโนโลยีมาใช้ในการวางแผนและบริหารจัดการเมืองอย่างมีประสิทธิภาพ แนวทางเหล่านี้จะช่วยให้เมืองไม่เพียงเติบโตด้านเศรษฐกิจและสังคมเท่านั้น แต่ยังสามารถรักษาสิ่งแวดล้อมและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการอยู่อาศัย และพัฒนาเป็นเมืองที่ยั่งยืนและน่าอยู่ในระยะยาว

การพัฒนาเมืองจึงไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของการสร้างเทคโนโลยีหรือโครงสร้างพื้นฐานเท่านั้น หากแต่คือการสร้างความสมดุลระหว่าง “คนและสิ่งแวดล้อม” ให้เติบโตไปพร้อมกันอย่างยั่งยืน

ขอบคุณข้อมูลจาก: เว็บไซต์ของ โครงการตั้งถิ่นฐานมนุษย์แห่งสหประชาชาติ (UN-Habitat)

เรียบเรียงโดย:

ต้นน้ำ คลอดแคล้ว

ผู้ช่วยนักวิจัย

Tags:
บทความเกี่ยวข้อง: