ปรับเพื่ออยู่ รู้เพื่อรอด กับ TEI

กลุ่มงาน: การปรับตัว

‘แลนด์สไลด์’ หรือดินโคลนถล่ม ภัยเงียบที่รุนแรง ภัยพิบัติทางปฐพีที่มีต้นตอ จาก ‘โลกเดือด’ เปลี่ยนภูมิประเทศที่สวยงาม เป็นพื้นที่ประสบภัย ได้ในพริบตา
เมื่ออากาศแปรปรวนหนักจากภาวะ ‘โลกเดือด’ ทำให้ฝนตกหนักและถี่กว่าที่เคย ทำให้ดินบนภูเขาอุ้มน้ำมากเกินรับได้ จนเคลื่อนตัว ลงมา กลายเป็นมหันตภัย ‘แลนด์สไลด์’ ที่พรากทั้งทรัพย์สินและชีวิตไปแทบทุกปี



แต่สิ่งที่ทำให้สถานการณ์รุนแรงและถี่ขึ้นกว่าเดิม คือ Climate Change หรือ ภาวะ ‘โลกเดือด’ ที่ทำให้ฝนตกหนักขึ้น นานขึ้น และยากต่อการคาดการณ์ ปริมาณน้ำที่เกิดขึ้นซึมสู่ชั้นดินมากเกินไป ทำให้ดินอิ่มน้ำเร็วขึ้น ขณะเดียวกันความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศยังกระทบต่อพืชพรรณที่เคยช่วยยึดเกาะหน้าดิน ทำให้ความเสียหายของดินถล่มรุนแรงกว่าในอดีต

‘แลนด์สไลด์’ สร้างความเสียหายอย่างไร

  • ในปี 2567 ไทยพบเหตุแลนด์สไลด์ 310 ครั้ง” ใน 18 จังหวัดของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 27 ราย บาดเจ็บ 21 ราย บ้านเรือนได้รับความเสียหาย 200 หลัง และกระทบโครงสร้างคมนาคมหลายจุด
  • ในปี 2562–2566 เหตุแลนด์สไลด์ส่งผลกระทบต่อประชาชน 5,156 คน 1,936 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 7 ราย ได้รับบาดเจ็บ 33 ราย บ้านเสียหาย 299 หลัง
  • ข้อมูลจาก ‘Global Fatal Landslide Database’ โดยมหาวิทยาลัยเชฟฟิลด์ สหราชอาณาจักร ได้วิเคราะห์ว่า ‘แลนด์สไลด์’ ทั่วโลกทำให้มีผู้เสียชีวิต 55,997 คน จาก 4,862 เหตุการณ์ โดยไม่รวมเหตุจากแผ่นดินไหว โดยเอเชียเป็นภูมิภาคที่มีสัดส่วนการเกิดแลนด์สไลด์สูงสุด และมีความเสี่ยงมากที่สุด
‘แลนด์สไลด์’ เกิดจากอะไร
‘แลนด์สไลด์’ เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ทั้งจาก กิจกรรมของมนุษย์ และ กระบวนการทางธรรมชาติ ที่ส่งผลต่อความมั่นคงของผืนดินในพื้นที่ลาดชัน จากการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินกิจกรรมของมนุษย์ การใช้พื้นที่ลาดเชิงเขาเพื่ออยู่อาศัยหรือทำการเกษตร การปรับพื้นที่และก่อสร้างโดยขาดการจัดการที่เหมาะสม อาจทำให้ดินสูญเสียความแข็งแรงและเกิดความเสี่ยงได้โดยไม่ตั้งใจ

ขณะเดียวกัน ปัจจัยธรรมชาติ อย่างฝนตกหนักและต่อเนื่อง การกัดเซาะของน้ำที่ฐานเชิงเขา รวมถึงแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหว ต่างเป็นตัวเร่งให้ดินที่อิ่มน้ำเคลื่อนตัวลงมาอย่างฉับพลัน
ปัญหา ‘แลนด์สไลด์’ ที่เคยเกิดขึ้นในบางช่วงเวลา กำลังกลายเป็น ‘ความปกติใหม่’ ในยุคโลกเดือด ตัวเลขล่าสุดชี้ชัดว่าภัยดินถล่มเกิดบ่อยขึ้น รุนแรงขึ้น และเริ่มคืบคลานเข้ามาใกล้ชีวิตผู้คนมากกว่าที่เคย ทางรอดเดียวของเราคือการ “ปรับตัว” (Climate Adaptation) เพราะเราสามารถปรับพฤติกรรมของเราเองได้ แต่ในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศนั้นเป็นสิ่งที่เราแก้ไขได้ยาก

ถึงเวลา ‘ปรับเพื่ออยู่ รู้เพื่อรอด’
โดย TEI ชี้ว่า การปรับตัว เพื่อรับมือจากแลนด์สไลด์ ที่เกิดขึ้นจากภาวะโลกเดือด สามารถ ‘ปรับเพื่ออยู่ รู้เพื่อรอด’ ตามแนวทางปรับแผนด้านต่าง ๆ ดังนี้
  1. แผนเตือนภัยและเฝ้าระวัง โดยติดตั้งเครื่องวัดปริมาณน้ำฝนและตรวจจับการเคลื่อนตัวของดินในพื้นที่เสี่ยง พร้อมสื่อสารแจ้งเตือนชุมชนแบบเรียลไทม์ ช่วยให้คนมีเวลาหนีภัยก่อนเกิดเหตุ
  2. แผนสร้างแนวกันดินและผนังกั้นดิน โดยใช้เทคโนโลยีรั้วกันดิน ไม้แนวกันดิน หรือผนังกั้นดิน เพื่อป้องกันดินและเศษหินไหลลงมากระทบบ้านหรือถนนหนทาง
  3. แผนพัฒนาชุมชนเข้มแข็งและการมีส่วนร่วม โดยฝึกอบรมอาสาสมัครในพื้นที่ให้รู้จักสัญญาณเตือนของดิน เช่น รอยร้าว น้ำซึม ดินแตกระแหง สร้างเครือข่ายเฝ้าระวังและซ้อมอพยพทุกปี
  4. แผนปรับโครงสร้างพื้นฐานและผังชุมชน โดยหลีกเลี่ยงการสร้างบ้านในพื้นที่ลาดชันสูงหรือแนวพัดตะกอน พร้อมปรับทางน้ำและทางระบายน้ำให้เบี่ยงกระแสตะกอนออกจากเขตชุมชน
  5. แผนปรับปรุงโครงสร้างที่อยู่อาศัย โดยสร้างฐานของบ้านให้แข็งแรง แผ่กว้าง และลึกมากขึ้น พร้อมเสริมผนังกันตะกอนและร่องระบายน้ำรอบอาคาร
  6. แผนสื่อสารพื้นที่เสี่ยงและจำกัดการใช้ที่ดิน จัดทำแผนที่ความเสี่ยงระดับตำบล หรือหมู่บ้านเพื่อจำกัดการใช้ที่ดินในเขตอันตรายและวางแผนเตรียมพร้อมระยะยาว


สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย หรือ TEI ขอชวนทุกคนร่วมเรียนรู้แนวทาง ‘ปรับเพื่ออยู่ รู้เพื่อรอด’ เพื่อรับมือกับภัย ‘แลนด์สไลด์’ ที่กำลังเกิดถี่และรุนแรงขึ้นในยุคโลกเดือด เพราะดินที่เคยมั่นคงกำลังสั่นคลอนจากทั้งธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงของโลก TEI เชื่อว่าการรู้เท่าทันพื้นที่เสี่ยง เตรียมพร้อมของชุมชน และการอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างเข้าใจ คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยลดความสูญเสียและสร้างภูมิคุ้มกันให้สังคมไทยยืนหยัดอยู่ได้อย่างปลอดภัย