10 ตุลาคม 2568 สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย หรือ TEI นำโดย ดร.ฉัตรตรี ภูรัต ผู้อำนวยฝ่ายฉลากเขียวและฉลากสิ่งแวดล้อม จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ “การยกระดับการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐสู่ความยั่งยืน: ค้นหาช่องว่างและกำหนดมาตรการเพื่อขับเคลื่อนการจัดซื้อจัดจ้างสีเขียวภาคบังคับ” ร่วมกับองค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ (UNIDO) ซึ่งได้รับเกียรติจาก ดร.อุมา วิรัตน์สกุลชัย National Project Coordinator ขึ้นกล่าวต้อนรับสำหรับการประชุม

ภาคการก่อสร้างถือเป็นหนึ่งในภาคส่วนสำคัญที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) สูง โดยเฉพาะจากวัสดุก่อสร้างอย่างปูนซีเมนต์ ซึ่งเป็นแหล่งปล่อยคาร์บอนหลักของอุตสาหกรรม การเปลี่ยนผ่านไปสู่การก่อสร้างที่ยั่งยืนจึงเป็นโจทย์สำคัญที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันผลักดัน โดยภาครัฐในฐานะ “ผู้จัดจ้างรายใหญ่” มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนผ่านการจัดซื้อจัดจ้างสีเขียว (Green Public Procurement: GPP) และการบูรณาการแนวคิด Low Carbon Construction เข้าสู่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐอย่างเป็นระบบ

การประชุมครั้งนี้มีกลุ่มเป้าหมายหลักคือภาครัฐ ซึ่งมีผู้แทนเข้าร่วมการประชุมกว่า 30 หน่วยงาน มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมระหว่างหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้างด้านการก่อสร้าง ทั้งในส่วนของงานอาคาร ถนน ระบบชลประทาน และสาธารณูปโภค โดยมุ่งเน้นให้เกิดการพัฒนากรอบแนวทางที่ชัดเจนและสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง

อีกทั้งยังเป็นเวทีแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นจากหน่วยงานผู้ใช้ ผู้จัดซื้อ และผู้เชี่ยวชาญ เพื่อร่วมกัน วิเคราะห์เส้นทางของสินค้าและบริการตั้งแต่การวางแผนจนถึงการติดตามผล พร้อมระบุ “จุดแทรกแซงที่เป็นไปได้” เพื่อเสริมความยั่งยืนในการดำเนินงาน ค้นหาช่องว่างใน TOR ปัจจุบัน และร่วมกันร่างแนวทางการปรับปรุงที่บูรณาการมิติสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบ

นอกจากนี้ ยังมีการหารือเพื่อระดมแนวคิดการพัฒนา “เครื่องมือวัด ติดตาม และรายงานผล” (Monitoring, Reporting and Verification: MRV) ที่สามารถประเมินผลการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการก่อสร้างได้อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อใช้เป็นต้นแบบในการขับเคลื่อน การจัดซื้อจัดจ้างสีเขียวภาคบังคับ (Mandatory GPP) ในอนาคต

การประชุมในครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการผลักดันให้ภาครัฐไทยก้าวสู่ การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและลดคาร์บอน อย่างเป็นรูปธรรม นำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมที่เติบโตควบคู่ไปกับความยั่งยืนของประเทศในระยะยาว